วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560

NC ตอนที่ 44





    
      



      ทันทีที่ชิงลี่ก้าวเข้ามาในบริเวณห้องอาบน้ำนั้นก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศวาบหวามที่ลอยแทรกอยู่ท่ามกลางไอควันสีขาวกรุ่นร้อนซึ่งฟุ้งกระจายไปทั่ว เมื่อมองตรงไปที่ถังไม้สีเข้มขนาดใหญ่จึงพบชายหนุ่มร่างสูงโปร่งนั่งหันหลังพิงขอบถังอย่างด้วยท่าทีผ่อนคลาย 
      แพเส้นผมสีดำสนิทดุจเส้นไหมถูกปล่อยสยายทิ้งตัวอย่างอิสระ ...มีบางส่วนเปียกชื้นจากน้ำจนขึ้นเงา ช่างดูเชิญชวนให้คนเอานิ้วเข้าไปสางเล่นเสียเหลือเกิน 

      นางร้ายสาวแย้มยิ้มหมายมาดพลางก้าวตรงเข้าหาเป้าหมายย่างใจเย็น ดูคล้ายกับท่าทีเยื้องย่างของนางเสือที่กำลังเตรียมตัวพุ่งเข้าหาเหยื่อที่มันหมายตาเอาไว้


      ไป๋จิ้งเผยรอยยิ้ม ...เขารอคอยตั้งแต่ได้ยินเสียงฝีเท้าเอื่อยเฉื่อยอันคุ้นเคยของเด็กสาวที่ไม่ได้พบหน้ากันมาหลายวันผู้นั้น นางยังคงติดนิสัยเดินลากเท้าราวกับแมวจอมเกียจคร้านเช่นเคย
      ท่านอ๋องหนุ่มเก็บรอยยิ้มบางๆ ที่ประดับใบหน้าลงอย่างเงียบเชียบ เมื่อเด็กสาวหรือเจ้าแมวป่าที่เขาล่อลวงให้ออกจากถ้ำได้สำเร็จนั้นเคลื่อนกายเข้ามาใกล้จนเขาได้กลิ่นดอกไม้อันเป็นเอกลักษณ์ของนางอย่างชัดเจน 

      "จิ้งเอ๋อร์ ให้ข้าสางผมให้ท่านดีหรือไม่..." นางก้มลงกระซิบใกล้หูจนเขารู้สึกถึงลมร้อนที่เป่ารดต้นคอเลยทีเดียว 

      เขาคิดถึงการยั่วยวนอย่างถึงเนื้อถึงตัวของนางเสียจริง...

      หึ แต่ยังก่อนหรอก ..หลายวันมานี้นางทรมานเขาแทบตาย คิดหรือว่าเพียงมากระซิบออดอ้อนแค่นี้เขาจะปล่อยความแค้นไปกับสายลม! กว่าจะล่อหลอกนางออกมาได้เช่นยามนี้มิใช่เรื่องง่าย ทั้งยังต้องเอาคืนให้นางรู้ซึ้งถึงความรู้สึกแสนทรมานที่เขาประสบพบเจอเสียก่อน 
     จะได้ดัดนิสัยมิให้นางทำเช่นนี้อีก!

      ชิงลี่หรี่ตาเล็กแคบเมื่อท่านอ๋องหนุ่มนั่งนิ่งเฉยแสร้งทำเป็นไม่เห็นไม่ได้ยิน ราวกับเธอเป็นเพียงอากาศธาตุอันว่างเปล่า

     หึ... ไป๋จิ้ง ดูท่าไม่เจอกันนานจนลืมฝ่ามือพิิฆาตของเธอไปแล้วกระมัง!

      นางร้ายสาวพุ่งมืออ่อนนุ่มเป้าหมายอยู่ที่หน้าอกแกร่งขาวผ่องเป็นยองใยซึ่งโผล่พ้นเหนือน้ำของอีกฝ่าย ทว่ากลับพลาดเป้าเมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มก็เบี่ยงตัวไปอีกทางพอดี
    “อ๊ะ!” ชิงี่อุทานเบาๆ เมื่อหน้าแทบคะมำจุ่มน้ำในถังไม้ พอเงยขึ้นมองก็พบว่าเขาเบี่ยงตัวไปหยิบสบู่กระดาษนั่นเอง 
   
    ...จากนั้นก็คล้ายกับทั้งสองคนกำลังเล่นเกม เมื่อคนหนึ่งพยายามไล่จับคนหนึ่งพยายามหลบเลี่ยง ทว่าไม่ว่านางร้าสาวจะพยายามใช้มือลวนลามเขาด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจเพียงใด ไป๋จิ้งก็จะบิดกายหลบทันราวกับนกรู้  
      กระทั่งวิทยายุทธท่าสุดท้ายของเธอที่สับมือหลอกจนปลายนิ้วเกือบได้แตะผิวขาวเนียนละเอียดของเขาแล้ว ไป๋จิ้งก็ยังรู้ทัน...เขาใช้ปลายนิ้วปัดมือออกเบาๆ อย่างมีชั้นเชิง ก่อนจะยื่นมือมาสกัดจุดเธอด้วยความว่องไวจนชิงลี่ไม่ทันตั้งตัว 

      "ไป๋จิ้ง!"  เธอตะโกนแหวเสียงแหลมเมื่อรับรู้ในที่สุดว่าอะไรเป็นอะไร ...ตกลงว่าสองสามวันที่ผ่านมานี้เขาไม่ได้อ่อยเธอเพื่อเชื้อเชิญเธอมา--อโลฮ่าเพื่อนฮาข้ามจักรวาลกัน แต่แค่หลอกล่อให้เธอออกมาเพื่อที่จะได้เอาคืนเธอสินะ!

      "ปล่อย-ข้า-เดี๋ยว-นี้!!" นางร้ายสาวเน้นแต่ละคำเสียงแข็งกร้าว เพื่อบ่งบอกให้เขารู้ว่าเธอกำลังเดือดจัด หากไป๋จิ้งมีหรือจะหวาดกลัว ชายหนุ่มเพียงระบายยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าพลางเอ่ยสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
      "ไม่"  

      แม้เขาจะมีรอยยิ้มจางๆ ประดับบนใบหน้า ทว่าชิงลี่เห็นดวงตาของเขานิ่ง ก็รู้แล้วว่าก่อนหน้านี้เขาคงโกรธเธอจริง จึงคำนวนผลผลได้ผลเสียแล้วปรับเปลี่ยนน้ำเสียงจากแข็งกระด้างมาเป็นอ่อนระโหยราวกับคนป่วย

     "จิ้งเอ๋อร์ ข้า...ข้ายังไม่หายดีเลย ต้องยืนค้างนิ่งอยู่เช่นนี้ปวดเมื่อยตัวยิ่งนัก" นางร้ายสาวสวมบทบาททำตาปรอยเรียกคะแนนสงสารเต็มที่ กระนั้นก็ยังไม่ได้ผลเมื่อชายหนุ่มเพียงอาบน้ำต่ออย่างสบายอารมณ์ มือแกร่งวักน้ำกรุ่นร้อนขึ้นลูบไล้ลาดไหล่ตนเอง ใช้กระดาษสบู่ละลายน้ำถูตามผิวกายเนียนละเอียดไปทั่ว 

      ...ทุกกิริยาเป็นไปอย่างเชื่องช้าเอ้อระเหยราวกับท่านอ๋องหนุ่มกำลังดื่มด่ำบรรยากาศรอบตัว 
     
      ชิงลี่กัดริมฝีปากแน่นด้วยความอึดอัดทรมานสุดแสน ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเหมือนคนที่กำลังไดเอตควบคุมอาการอย่างเคร่งครัด แต่ดันมีคนชั่วถือเสต๊กติดมันชุ่มซอสล่ออยู่ที่ปลายจมูก! ทั้งภาพทั้งกลิ่นทั้งเสียงที่ยั่วยวนใจอยู่ห่างออกไปแค่เอื้อมมือถึง 
      แต่ดันแตะต้องไม่ได้!


     แค้นนี้ต้องชำระ... แค้นนี้ต้องชำระ...

      ในขณะที่ชิงลี่ท่องย้ำประโยคเดิมๆ กับตัวเองด้วยความเจ็บใจนั้น จู่ๆ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะใช้มือเสยผมที่ปรกระใบหน้าไปด้านหลัง ชิงลี่มองตามหยดน้ำพราวที่เกาะตามผิวของเขานั้นร่วงหล่นลงมาตามเส้นสายร่างกายอันงดงามสมบูรณ์แบบราวกับรูปปั้นเดวิด ...ร่วงลงไป ร่วงลงไปจนถึงแก่นกายแท้ซึ่งยิ่งใหญ่เต็มไปด้วยพลังชีวิต ต่างจากตัวตนแสนเยือกเย็นของเขาโดยสิ้นเชิง...
      

      โอ-เอ็ม-จี 


      ตัวจริงเสียงจริง ไอดนท์นี้ดสตันท์แมน!!


      ความละเอียดนี้มันระดับ HD 1080P !!!!!!!!!!


     ไป๋จิ้งแสร้งทำเป็นไม่รับรู้ถึงสายตาร้อนแรงแทบแผดเผาจากเด็กสาวที่ยังคงมองอยู่ที่จุดเดิมตาไม่กระพริบ ไม่ว่าเขาจะก้าวออกจากถังอาบน้ำ ไปจนกระทั่งซับตัวจนแห้งนางก็ยังคงกวาดสายตามองตาม


     หึๆ ช่างเป็นสายตาที่ซุกซนเสียจริงนะ...


     ชายหนุ่มยิ่งรุ้ว่าถูกมองก็คล้ายคนได้ใจ ยิ่งสวมเสื้อผ้าทีละชั้นด้วยความใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง ชิงลี่มองชายหนุ่มที่ยังคงแกล้งยั่วเธออยู่ สองตาเปี่ยนเป็นครุ่นคิดลึกซึ้ง ก่อนค่อยๆ หรุบลงมองพื้นเบื้องล่าง ดวงหน้างดงามไม่แสดงอาการความรู้สึกอะไรอีก จนผ่านไปพักหนึ่งท่านอ๋องหนุ่มรู้สึกประหลาดใจกับความนิ่งเงียบของอีกฝ่าย 
    เมื่อหันมาก็ต้องถึงกับตื่นตะลึงเมื่อเห็นว่าเด็กสาวผู้สดใสอยู่เป็นนิจกำลังกัดริมฝีปากแน่น ร้องไห้อย่างเงียบเชียบ น้ำตาไหลพรูดั่งสายไข่มุกเม็ดงาม เขารีบปราดเข้ามาใกล้แล้วคลายจุดให้นางทันที ร่างเล็กบางอ่อนยวบลงในอ้อมแขนเขาราวกับแขนขาไร้ซึ่งกระดูก

       ไป๋จิ้งใจหายวาบ พลันนึกโกรธตนเองขึ้นมาที่แกล้งนางที่เพิ่งหายป่วยจนกลายเป็นเช่นนี้ เขารวบร่างบางที่สะอื้นฮักเข้ามาแนบอกพลางเอ่ยอย่างร้อนรน

      "ลี่เอ๋อร์ ข้าขอโทษ เด็กดี...ข้าจะไม่แกล้งเจ้าอีกแล้ว" เขาลูบศีรษะเล็กกลมปลอบพลางเอ่ยซ้ำๆ ด้วยความรู้สึกผิดที่เอ่อล้นภายในใจ หารู้ไม่ว่าสองตานางเปล่งประกายชั่วร้ายหมายมาด...
      "เด็กดี เจ้าเจ็บที่ใดหรือไม่" ชิงลี่พยักหน้าช้าๆ พลางเอ่ยตอบสั้นๆ 
      "เจ็บสิ" เมื่อเขาถามว่านางเจ็บที่ใดนางก็เอื้อมมือมาจับมือของเขาไปทาบอย่างหมิ่นเหม่ที่เหนือทรวงอกอวบหยุ่น ไป๋จิ้งรู้สึกร้อนที่มือราวกับถูกไฟลวก ทว่าจะสะบัดออกก็กลัวเด็กสาวจะใจเสียจนร้องไห้อีกครา 
      "ข้าเจ็บที่ตรงนี้มากเลย เพราะถูกสามีเมินไม่สนใจไยดี" 
      “ลี่เอ๋อร์..." 
      "ไป๋จิ้ง ท่านรังเกียจข้าหรือ"
      “ไม่...ไม่มีวัน”
      "เช่นนั้นไยจึงเมินหนีข้าตลอดล่ะ ข้างามไม่พอที่จะเป็นภรรยาของท่านใช่หรือไม่" ชิงลี่ช้อนตาคลอน้ำใสทั้งคู่ ขึ้นมองอย่างตัดพ้อ ไป๋จิ้งเริ่มเผยแววลังเลสับสนในดวงตาเย็นเยียบทั้งคู่ นางร้ายสาวเห็นดังนั้นได้ทีรีบเบียดกายอ่อนนุ่มเข้าหาอีกฝ่ายเพื่อขัดขวางมิให้เขารวบรวมสติจนสามารถคิดตรองถี่ถ้วน มองเห็นถึงมารยาร้อยเล่ห์ของเธอ
      "ชิงลี่..." น้ำเสียงเขาเริ่มแตกพร่าจนเธอสังเกตได้
      "จิ้งเอ๋อร์ หากท่านมิได้รังเกียจข้าจริงก็อย่าได้ปฏิเสธอีกเลย ...ให้ข้าได้เป็นภรรยาที่แท้จริงของท่านเถิดนะ" น้ำเสียงและแววตาเว้าวอนออดอ้อนอย่างน่ารักของนางเป็นดั่งมีดคมกริบที่ตัดเส้นการหักห้ามใจเส้นสุดท้ายของเขาให้ขาดออกจากกันโดยสิ้นเชิง ท่านอ๋องหนุ่มรู้ตัวพลันว่าเขาไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของนางมารน้อยตนนี้ได้อีกต่อไป...

      ริมฝีปากบางเฉียบฉกวูบเข้าที่เรียวปากอิ่มเล็กสีชมพูอย่างดูดดื่ม ลิ้นอ่อนนุ่มทั้งสองเกาะเกี่ยวกระหวัดกันไปมา ต่างสำรวจความหอมหวานของกันและกันด้วยความคิดถึงสุดแสน 
     แขนเรียวทั้งสองยกขึ้นโอบรอบคอชายหนุ่ม และเมื่อเขายกตัวเธอขึ้น ชิงลี่ก็ไม่เกี่ยงงอนที่จะขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนตักแกร่งของเขาทันที โดยที่ริมฝีปากของทั้งคู่ไม่ยอมออกห่างจากกันแม้เพียงเสี้ยวเวลา 

     "จิ้งเอ๋อร์..." ชิงลี่เรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงแผ่ว นิ้วเรียวทั้งสิบของเธอสอดเข้าไปในกลุ่มเส้นไหมสีดำสนิทเรียบลื่น เมื่อเขาไล้ริมฝีปากเรื่อยลงมาถึงซอกคอ ก่อนจะก้มลงจูบยอดปทุมถันผ่านเสื้อที่บางและเปียกชื้นจนแนบสนิทแทบไม่ปกปิดสิ่งใด
     ชิงลี่พริ้มตาแหงนหน้าขึ้นสูง หลุดเสียงครางอันน่าอายออกมาอย่างห้ามไม่ทัน ยิ่งรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งกายเมื่อใต้ร่างรับรู้ได้ถึงบางอย่างที่อุ่นร้อนและเต็มไปด้วยพลังชีวิตกำลังดุนดันสะโพกของเธออยู่

     พลันนางร้ายสาวแย้มยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อนึกสนุกอยากแกล้งเขาขึ้นมา ชิงลี่กดสะโพกลงบดเบียดเจ้าสิ่งที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตอย่างแรง และหัวเราะคิกคักชอบใจเมื่อสามารถทำให้ท่านอ๋องผู้เย็นเยียบหลุดครางเสียงต่ำในลำคอได้
    ไป๋จิ้งหรี่ตาส่อแววอันตรายจนชิงลี่ชักหวั่นขึ้นมาบ้าง เธอกรีดร้องเสียงหลง รู้สึกคล้ายฟ้าดินพลิกคว่ำ เมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มก็จับร่างเธอพลิกนอนหงายราบไปกับพื้นเย็นชื้น หากก็มิได้เจ็บอะไรเนื่องจากเขาใช้มือและแขนรองศีรษะและตัวเธอไม่ให้กระแทกกับพื้นแข็งเอาได้

    ชิงลี่นึกหมั่นไส้คนที่เปลี่ยนมาคร่อมตัวเธออยู่ซึ่งกำลังหัวเราะเบาๆ ราวกับชอบใจยิ่งนักที่สามารถแกล้งเธอคืนได้  ...เวลานี้เธอค่อนข้างมั่นใจแล้วล่ะว่าอีกนิสัยหนึ่งของไป๋จิ้งที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนก็คือการชอบแก้แค้นเอาคืนคนอื่นนั่นเอง

    ไป๋จิ้งค่อยๆ ก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากอันแสนเย้ายวนของนางเมื่อดูดกินน้ำหวานจนพอใจแล้วเขาจึงค่อยช้อนร่างบางขึ้นอุ้ม ชายหนุ่มมองหน้าเปล่งปลั่งและริมฝีปากบวมเจ่อของนางด้วยดวงตาลึกล้ำพลางเอ่ย...




          .
          .
          .
          .
          .
          .
          .
          .
          .
          .
          .

      
       "กลับเรือนของเรากันเถิด"










------------------------------------NC--------------------------------------



      "กลับเรือนของเรากันเถิด"
   

        .
        .
        .
        .
        .
         


        ชายหนุ่มค่อยๆ วางร่างบางในอ้อมแขนลงบนเตียงอย่างระมัดระวังและเบามือยิ่ง โดยที่สองตานั้นมิได้ละไปจากดวงหน้างดงามเฉิดฉันแม้แต่น้อย เขายิ้มอย่างยินดีเมื่อเห็นพวงแก้มทั้งสองของนางขึ้นสีแดงเปล่งปลั่งราวดอกไม้แรกแย้ม 

     ...ดอกไม้ที่แย้มออกอย่างเต็มใจเพื่อเขา

      ชิงลี่หลบสายตาร้อนแรงของท่านอ๋องหนุ่มอย่างไม่อาจต้านทานได้ เขาจ้องเธอเสียจนเธอรู้สึกได้ถึงมวลความร้อนที่แล่นไปทั่วร่างก่อนที่กระแสอุ่นร้อนนั้นจะไปบรรจบที่บริเวณท้องน้อยอย่างน่าประหลาด 

     "ลี่เอ๋อร์ เจ้างามเหลือเกิน ...งามจนข้าไม่สามารถละสายตาไปจากเจ้าได้"  เขาใช้ข้อนิ้วไล้กรอบหน้าเธออย่างหลงใหล ก่อนจะเอ่ยถามเสียงจริงจังว่า
     "เจ้าแน่ใจแล้วใช่หรือไม่" ชิงลี่ได้ยินเสียงและเห็นแววตาที่พยายามพักห้ามใจอย่างยิ่งยวดของอีกฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป ...สองมือน้อยเพียงเลื่อนขึ้นไปปลดเอี๊ยมผูกคอแล้วเลื่อนลงเปิดเผยสองบุปผางามอย่างช้าๆ 
     ก่อนจะช้อนตามองสบกับดวงตาสีดำสนิทลึกล้ำคู่นั้น ให้เขารู้ว่าเธอทั้งมั่นใจทั้งรอคอยคาดหวังกับค่ำคืนนี้มานานเพียงใด...

     ท่านอ๋องหนุ่มสูดลมหายใจลึกยาวดื่มด่ำกับความงดงามและโอนอ่อนยินยอมพร้อมตามของสตรีอันเป็นหนึ่งเดียวในดวงใจผู้นี้ 
     ไม่มีอันใดต้องลังเลอีกต่อไป เขาถอดเสื้อของตนเองทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดี ก่อนค่อยๆ รูดเอี๊ยมบางเบาสีชมพูอ่อนจางออกจากหน้าอกนางอย่างเบามือ ยามนี้กายท่อนบนของทั้งสองต่างไร้สิ่งปกปิดอย่างไม่มีผู้ใดเสียเปรียบกัน 
     ไป๋จิ้งก้มลงจุมพิตดูดเอาความหวานจากยอดเกสรสีชมพูราวกับผึ้งป่าที่หิวกระหาย มือทั้งสองเคลื่อนลงต่ำจัดการปลดกระโปรงบางให้พ้นจากร่างนาง 

     เพียงครู่เดียวชิงลี่ก็เปลือยเปล่าทั้งตัว ท่านอ๋องหนุ่มเงยขึ้นมองราวกับจะประทับภาพอันแสนบริสุทธิ์ผุดผ่องนี้เอาไว้กลางใจ ชิงลี่อดอกยกต้นขาขึ้นหนีบเข้าหากันเพื่อปิดบังส่วนสงวนด้วยความอายไม่ได้ 
     ทว่าไป๋จิ้งกลับใช้มือยื้อต้นขาเธอเอาไว้พลางเอ่ยห้ามเสียงแหบพร่า

     "อย่า... อย่าปิดบังตัวตนกับข้า” ชิงลี่เม้มริมฝีปากทว่าก็ยอมตามแต่โดยดี ชายหนุ่มแย้มยิ้มด้วยความพึงพอใจ ก้มลงจุมพิตให้รางวัลนางมารน้อยที่ในวันนี้ช่างเอาใจเขาเหลือเกิน
     "เจ้าเป็นของข้า ลี่เอ๋อร์... เป็นของข้าผู้เดียวเท่านั้น" คล้ายเป็นการพิสูจน์คำพูดของตน เมื่อท่านอ๋องหนุ่มเริ่มใช้ริมฝีปากไล่สำรวจทั้งยังประทับรอยแสดงความเป็นเจ้าของแทบทุกพื้นที่ ไม่เว้นแม้แต่กึ่งกลางกายสาว

     ชิงลี่ไม่คิดฝันว่าจะมีวันที่เธอหัวสมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก ได้แต่นอนบิดกายร้องครวญครางอยู่ใต้ร่างชายคนหนึ่งแบบนี้ได้... 

       "อ๊า!" เธอสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ เขาก็ขบกัดบริเวณที่อ่อนไหวต่อสัมผัส และคล้ายกับว่าเสียงครางของเธอยิ่งไปกระตุ้นเร้าอารมณ์ของเขา ชายหนุ่มปลดกางเกงซึ่งเป็นอาภรณ์ชิ้นเดียวบนร่างออกอย่างรวดเร็ว ชิงลี่หอบหายใจพลางปรือตามองแก่นกายซึ่งเต็มไปด้วยพลังชีวิตของเขา

      "นางมารน้อย เจ้าพร้อมหรือยัง" เขาเงยหน้าขึ้นถามเด็กสาวเสียงกระเส่า ชิงลี่นั้นยังไม่ทันตีความหรือรับรู้สิ่งใดเพียงแค่พยักหน้าขึ้นลงไปอย่างนั้น พลันต้องหยัดกายขึ้นสูงเมื่อรู้สึกถึงบางอย่างอุ่นร้อนที่ล่วงล้ำเข้ามาในกาย 
      ความเจ็บร้าวอึดอัดไปทั้งร่างทำให้ชิงลี่ถึงกับน้ำตาซึม ไป๋จิ้งเองก็หอบหายใจหนักด้วยนางคับแน่นจนเขาทั้งเสียวซ่านระคนปวด ชายหนุ่มเห็นนางมีสีหน้าทรมานจึงก้มลงไปจุมพิตซับน้ำตาด้วยความสงสารเอ็นดู 
     "ทนอีกนิดไหวหรือไม่" 

     นางร้ายสาวแม้จะปวดกว่าที่คิดมากทีเดียวแต่ก็พยักหน้าขึ้นลงรัวเร็ว ไม่อยากให้เขากังวล คิดมากว่าทำให้เธอเจ็บ 

      ...เกิดเขาหยุดกลางคันเธอก็ค้างสิ!
        
      ไป๋จิ้งก้มลงไปจุมพิตนางอย่างดูดดื่มด้วยแสนรัก เรียวลิ้นทั้งสองเกี่ยวกระหวัดกันโดยที่เขาเริ่มขยับสะโพกเป็นจังหวะช้าๆ คอยสังเกตสีหน้าเด็กสาว จนความเสียวซ่านเริ่มเข้ามาแทนที่ความปวด คู่หยินหยางสอดประสานเป็นหนึ่งเดียว  
     นางช่างดีเหลือเกิน... ดีจนเขายิ่งมั่นใจว่าไม่มีทางที่จะมีผู้ใดสามารถเทียบเคียงเด็กสาวผู้นี้ได้เป็นอันขาด... ไม่มีวัน...

      "นางมารน้อยของข้า..." เขาหลับตาครางเสียงต่ำเรียกเด็กสาวอีกครั้งอย่างเผลอไผล 

      เป็นอีกครั้งที่นางบีบรัดกายเขาอย่างแรง ท่านอ๋องหนุ่มหลุดรอยยิ้มกว้างที่ไม่ค่อยมีผู้ใดได้เห็นบ่อยนักออกมา ...ดูท่าว่านางจะชอบให้เขาเรียกว่านางมารน้อยสินะ ร่างกายนางจึงตอบสนองอย่างน่ารักทุกครั้งยามเขาเอ่ยคำๆ นี้

     ชายหนุ่มนึกสนุกก้มลงขบเม้มติ่งหูขาวสะอาดพลางกระซิบเสียงสั่นพร่า

     "นางมารน้อยจอมยั่ว..." 
     "อ๊ะ" ชิงลี่อุทานพลางแอ่นกายขึ้นเมื่อคล้ายมีกระแสไฟประหลาดแล่นปราดไปทั่วร่าง ยิ่งกัดริมฝีปากล่างแน่นเมื่อไป๋จิ้งเปลี่ยนเป้าหมายมายังยอดเกสรสีชมพูของเธอ ความร้อนและอ่อนนุ่มของเรียวลิ้นที่ไล้วนไปทั่วสร้างความรู้สึกทั้งสุขทั้งทรมานในเวลาเดียวกันจนเธอต้องจิกปลายเล็บเข้ากับท่อนแขนแกร่งอย่างแรง 
     ชายหนุ่มไล้ริมฝีปากระเรื่อยขึ้นไปจนกระทั่งถึงซอกคอขาวเนียน ทว่าจู่ๆ เขาก็ผงกหัวขึ้นมาสั่ง
     "ห้ามกัดปาก" แววตาเขาบ่งบอกชัดเจนว่าห้ามเธอทำร้ายตนเองแม้แต่นิดเดียว

     นางร้ายสาวเลิกคิ้วกับน้ำเสียงเผด็จการของอีกฝ่าย นึกอยากลองดีจึงเผยรอยยิ้มซุกซน ก่อนจะขบกัดริมฝีปากตัวเองแรงกว่าเดิมเสียอีก...อยากรู้ว่าเขาจะทำอย่างไรกับเธอ 
     พลันดวงตาสีดำลึกล้ำฉายแววหมายมาดร้ายกาจ...นางมารน้อยตนนี้ลืมไปแล้วหรือว่าเขายังอยู่ในกายนางอยู่เลย... 

     "อ๊า!" ชิงลี่ร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ ชายหนุมก็ดันสะโพกโถมเข้ามาลึกล้ำหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะเริ่มขยับถี่ด้วยจังหวะเร้าอารมณ์และรุนแรงผิดไปจากเดิม เวลานี้เขาเหมือนจอมทัพที่โถมกองกำลังเข้าฟาดฟันข้าศึกเต็มอัตรา
    ในหัวชิงลี่ราวกับมีคนปิดดนตรีคลาสสิคที่เมื่อครู่กำลังบรรเลงอย่างงดงามแล้วเปลี่ยนเป็นเพลงร็อคดนตรีหนักแน่นดุดันแทน

    นางร้ายสาวที่ไม่ทันได้ตั้งตัวนั้นไม่สามารถหยุดเสียงครางและท่าทางเปิดรับชายหนุ่มอย่างเต็มที่อันน่าอายของตัวเองได้ ราวกับว่าทั้งลำคอ เส้นเสียง แขนขาทั้งหมดนี้ไม่ใช่ของเธออีกต่อไป... 

    "จิ้งเอ๋อร์ จิ้งเอ๋อร์..." เวลานี้ชิงลี่ทำได้เพียงส่ายศีรษะยุ่งเหยิงไปมาราวกับคนไร้สติ ริมฝีปากเล็กแดงก่ำครางเรียกชื่อชายหนุ่มซ้ำๆ ราวกับว่าเป็นเพียงคำๆ เดียวที่เธอรู้จัก 
    ภายในสมองมีแต่หมอกสีขาวปกคลุม เธอปล่อยตัวปล่อยใจไม่คิดอะไรทั้งนั้น ได้แต่ไว้วางใจปล่อยให้ชายหนุ่มเป็นผู้นำทางแต่เพียงผู้เดียว 

    "ลี่เอ๋อร์" ชายหนุ่มครางเสียงต่ำพลางเร่งจังหวะ ในขณะเดียวกันก็เก็บสีหน้าท่าทางทุกอย่างของเด็กสาวที่อยู่ใต้ร่างมิให้ขาดแม้แต่รายละเอียดเดียว ดวงหน้าเปล่งปลั่งพราวเหงื่อของนางในวันนี้ดูราวกับจะงดงามยิ่งกว่าที่เคย พวงแก้มและริมฝีปากเล็กขึ้นสีแดงก่ำราวผลอิงเถา สองตาหลับพริ้มจนเห็นแพขนตางอนหนาเรียงเป็นเส้นสวยชัดเจน 

   ...ยามนี้นางเป็นเหมือนภาพฝันอันบริสุทธิ์งดงามที่สุดภาพหนึ่งซึ่งเขาจะไม่มีวันลืมได้ชั่วชีวิต 

   "อ๊ะ"
   "อา..." 

   สองร่างที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวนั้นกระตุกพร้อมๆ กัน ชิงลี่แอ่นกาย เผยอปากไร้เสียง หัวสมองขาวโพลนโดยสิ้นเชิง เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองใช้สองขารัดเอวสอบแน่นไม่ยอมปล่อย แม้กระทั่งยามที่กายแกร่งหลั่งน้ำทิพย์ชุ่มชื้นเข้าสู่กายเธอ

     ไป๋จิ้งหอบหายใจเบาๆ พลางซบศีรษะลงบนหน้าอกอวบหยุ่นของภรรยาสาว หลับตาแนบหูฟังเสียงหัวใจที่เต้นถี่รัวของนาง ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความสุขจางๆ 

     ชิงลี่ใช้มือเล็กลูบเส้นผมเรียบลื่นของชายหนุ่มที่ซบอยู่บนหน้าอกเธอไม่ยอมลุก ทำตัวราวกับแมวยักษ์ขี้เซา...ทั้งยังเป็นแมวขี้เซาจอมซุกซนไม่ยอมถอนตัวเองออกจากกายเธออีกต่างหาก 

     อยู่ในกายเธอ...

     เอ๊ะ...

     นางร้ายสาวลืมตาโพลงขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่เธอทำอะไรลงไป... 
  
    "ลี่เอ๋อร์ เป็นอันใดไป" ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่านางตัวแข็งเกร็งจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความกังวล 
    "ไป๋จิ้ง ข้าอาจ...ข้าอาจตั้งครรภ์ได้!" นางร้ายสาวหน้าซีด พลางก่นด่าตัวเองในใจเป็นชุด

    โอ้หม่ายก้อด! เธอให้เขาหลั่งใน ...ในยุคที่ไม่มียาคุมฉุกเฉินเนี่ยนะ ฮัลโหลว! ชิงลี่ สติ! 

     ไป๋จิ้งเลิกคิ้วกับคำพูดร้อนรนของอีกฝ่าย ...แน่นอนอยู่แล้วว่าสามีภรรยาร่วมหลับนอนกันย่อมอาจเกิดอีกชีวิตขึ้นมาได้...นั่นจึงเป็นเรื่องปกติธรรมชาติมิใช่หรือ?
     คล้ายเลือดในกายแข็งตัวเฉียบพลัน ท่านอ๋องหนุ่มค่อยๆ หุบรอยยิ้มซึ่งเปี่ยมไปด้วยความสุขลงเหลือเพียงความเย็นชา พลางยันร่างตนเองขึ้นมาพิจารณาท่าทีตื่นตระหนกอย่างยิ่งของเด็กสาวอย่างถี่ถ้วน 

     "เจ้าไม่ต้องการมีลูกกับข้างั้นหรือ" น้ำเสียงชายหนุ่มเย็นเยียบบาดลึกทว่าดวงตาสีดำสนิทสะท้อนแววเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด ...หากเมื่อครู่เขาเปรียบดั่งบุรุษที่ปีนยอดเขาสูงชันจนสำเร็จ ยามนี้ก็คงไม่ต่างจากการที่ถูกผลักจนร่วงลงสู่พื้นดิน
     ชิงลี่หันมามองชายหนุ่มด้วยความงุนงง...จนเข้าใจเมื่อเขาเอ่ยประโยคถัดมา
     "เจ้ามิได้คิดจะสร้างครอบครัวกับข้าใช่หรือไม่" ไป๋จิ้งถามซ้ำเสียงอ่อนระโหยอย่างหลบซ่อนปปิดบังมิได้อีกต่อไป เมื่อเขาเห็นกับตาว่านางมีท่าทีรับไม่ได้หากต้องตั้งครรภ์กับเขา 


      เฮ้ย! โนๆๆๆๆๆ  


      ชิงลี่เห็นสีหน้าและแววตารวดร้าวของสามีเต็มตัวหมาดๆ แล้วก็ให้ตื่นตะลึงเสียยิ่งกว่าเรื่องลูกในอนาคตเสียอีก 
      "โนๆๆ... เอ้ย! มิใช่ๆๆ มิใช่เช่นนั้นแม้แต่น้อย!" 
      "แล้วมันเป็นเช่นไร" 
      "คือ..." ชิงลี่พยายามเรียบเรียงคำพูดให้ฟังออกมาดูโอเคที่สุด หากเมื่อชายหนุ่มเห็นว่านางอ้ำอึ้งอึกอักจึงเอ่ยเสียงเรียบตัดบท 
      "ลี่เอ๋อร์ เจ้าไม่มีความจำเป็นต้องพูดให้ข้ารู้สึกดีขึ้น" 
      "เดี๋ยวๆ ฟังก่อน! มันไม่ใช่อย่างนั้น"
      "สีหน้าเจ้าราวกับว่าแผ่นดินจะแยกหากต้องตั้งครรภ์กับข้า!" คำพูดดราม่าและสายตาตัดพ้อของเขาราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงโฉดทิ้งลูกผัวไปอยู่กับชู้อะไรทำนองนั้น 

      เฮ้ย! วันนี้ท่านอ๋องทำไมขี้น้อยใจจัง!?! 


      "ไป๋จิ้ง ฟังข้า!" ในที่สุดเธอก็ต้องพูดเสียงดังให้อีกฝ่ายหยุดฟัง ไป๋จิ้งเงียบรอทว่าเบนสายตาไปทางอื่นไม่ยอมสานสบ ทำเอาชิงลี่แทบยกมือขึ้นกุมศีรษะด้วยความปวดเฮด ...นี่คือผลข้างเคียงหลังจากการอโลฮ่าหรือยังไง? ทำไมจู่ๆ เขาอารมณ์อ่อนไหวเหมือนสตรีช่วงมีประจำเดือนก็ไม่ปาน...

      "ข้ายังไม่อยากมีลูกจริงๆ ...หมายถึงตอนนี้เท่านั้น!" เธอรีบพูดดักก่อนที่จะโดนตัดพ้อต่อว่าผ่านทางสายตาอีกครั้ง 
      "ข้าแค่รู้สึกว่าตนเองยังไม่พร้อมจะทำหน้าที่มารดา ข้าอยากรออีกสักสามสี่ปี เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้" เธอพูดด้วยท่าทีจริงจังให้ชายหนุ่มเชื่อถือเต็มที่ ทว่าเขายังคงไม่คลายสีหน้าแววตาเจ็บปวด ราวกับจะรู้ว่านี่ไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง 


      เฮ้ย ...รู้ได้ไงว้ะ? 


      “ก็ได้ๆ! จริงๆ แล้วข้ากลัวว่าหากท้องโย้อุ้ยอ้ายไม่งามเหมือนเดิม แล้วท่านไปแต่งเมียสาวๆ เอ๊าะๆ เข้าบ้านเพิ่ม ข้าจะทำอย่างไรเล่า!"  ชิงลี่ตัดสินใจพูดตามความจริง น้ำสียงแหวและค้อนวงโตที่ได้รับทำให้ท่านอ๋องหนุ่มพึงพอใจและเชื่อถือเด็กสาวในที่สุด สองตาเย็นเยียบถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน


      นางกลัวว่าหากท้องโตแล้วเขาจะรักนางน้อยลงนี่เอง...


      "ลี่เอ๋อร์ เจ้าไม่มีความจำเป็นต้องคิดเรื่องไร้สาระพวกนั้น ข้า...ต้าเหออ๋องไปจิ้งผู้นี้ ไม่มีวันแปรเปลี่ยน หากมิเช่นนั้นแล้วขอให้..." ชิงลี่รีบยกมือน้อยปิดปากบางเฉียบก่อนที่เขาจะเอ่ยคำสาบานอะไรออกมา 
       "อย่าสาบานพร่ำเพรื่อสิ พวกท่านถือกันนักไม่ใช่หรือไง" แม้เธอจะไม่ได้สนใจพวกเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรมาก แต่ก็ไม่อยากให้เขาพูดหรือทำอะไรไม่ระวังตัวเอง
        
     ไป๋จิ้งมองดวงตาที่ฉายชัดถึงความเป็นห่วงเขาด้วยความปลาบปลื้ม ...นางมักห่วงและคิดคำนึงถึงเขาเป็นอันดับแรกเสมอ เช่นนี้เสมอแล้วจะให้เขารักนางน้อยลงได้อย่างไรกัน กระนั้นเขาก็มิได้ดึงดันทำอะไรให้เด็กสาวเป็นกังวลอีก ...เขาย่อมรู้ดีแก่ใจตนเองว่าไม่มีทางแปรเปลี่ยนจากภรรยาสาวผู้นี้เป็นสตรีอื่นได้!

     ชายหนุ่มรวบตัวนางเข้าสู้อ้อมกอด ที่นางกลัวถึงเพียงนี้เป็นเพราะนางรักเขามากจนเกินไปใช่หรือไม่ นางจึงคิดหวาดระแวงไปสารพัดเช่นนี้ 

     "หากเจ้ายังไม่อยากมีลูก เช่นนั้นเรารออีกสักสองสามปีก่อนก็ได้" เขาเอ่ยออกมาในที่สุด ...อันที่จริงตัวเขาเองมีความคิดว่ายังอยากใช้ชีวิตอย่างสามีภรรยากับนางสองคนไปนานๆ ก่อน
     ...เขายังไม่อยากแบ่งปันความรักความอ่อนหวานของนางให้กับผู้อื่น แม้ว่าผู้นั้นจะเป็นบุตรในสายเลือดของเขาเองก็ตาม!

     ความคิดหึงหวงแม้แต่กับลูกแท้ๆ(ในอนาคต) หากให้เด็กสาวได้ยินเข้าต้องหาว่าเขาเป็นคนใจแคบคิดเล็กคิดน้อยเป็นแน่ ท่านอ๋องหนุ่มจึงมิได้พูดเหตุผลที่แท้จริงออกไป เพียงบอกเป็นเชิงว่าเขาล้วนแล้วแต่ตามใจนางทุกอย่าง

     ชิงลี่มองชายหนุ่มคนรักด้วยความซาบซึ้งใจที่เขายอมตามใจเธอในเรื่องการสร้างครอบครัว เธอสวมกอดเขาแนบแน่น ก่อนที่มือน้อยจะลูบหลังขึ้นลงเป็นเชิงปลอบโยนเมื่อคิดถึงสีหน้าราวกับเด็กชายที่เสียขวัญเมื่อครู่ของเขายามที่เข้าใจเจตนาเธอผิดไป


    โถๆๆ ขวัญเอ๊ยขวัญมานะคะสามี...

    
     เอ...ว่าแต่ทำไมคุณสามีของเธอถึงกล้ามเนื้อหนั่นแน่นไปทั้งตัวแบบนี้ล่ะ... ชิงลี่กลืนน้ำลายลงคอเมื่อลูบไปลูบมาแล้วดันนึกถึงภาพเร่าร้อนเมื่อคืนขึ้นมาเสียได้... 

     ทำไงดี เธอหิวอีกแล้วอ่ะ
    
     ร่างกายไปไวกว่าความคิดเมื่อชิงลี่เริ่มขยับต้นขาเสียดสีกับกายแกร่งอย่างเป็นจังหวะ มือที่เมื่อครู่ลูบปลอบด้วยความคิดอันบริสุทธิ์ก็เปลี่ยนมาเป็นสะกิดข่วนหัวไหล่เขาเล่นเบาๆ หากทว่ากลับทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ราวกับผู้ร้ายตีสองหน้า 
     

      แล้วอารมณ์รักอันเร่าร้อนถูกมือดีพัดโหมเติมเชื้อเพลิงขึ้นมาอีกครั้ง และไม่ดับมอดลงอีกเลยจนกระทั่งล่วงเข้าอีกวัน...





------------------------------------NC--------------------------------------




       
      หลังจากค่ำคืนอันร้อนแรงจนแทบเผาไหม้เรือนผ่านพ้นไป เข้าสู่เช้าวันใหม่ซึ่งแลดูสดใสยิ่งนัก หากแต่ชิงลี่กลับมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อยทันทีที่ลืมตาตื่น ด้วยแม้จะยังงัวเงียอยู่แต่ก็สัมผัสได้ถึงความเหนียวตัวอันไม่น่าอภิรมณ์ กระนั้นความเมื่อยล้าทั่วร่างที่รู้สึกตามมาทำให้เธอตัดสินใจปัดความคิดที่จะลุกขึ้นไปอาบน้ำทิ้งทันที และค่อยๆ พลิกตัวมาอีกด้าน เป็นการเปลี่ยนท่าเตรียมนอนต่อ
     ทว่าทันทีที่หันมานางร้ายสาวก็พบกับชายหนุ่มรูปงามที่นอนตะแคงเอามือข้างหนึ่งยันศีรษะด้วยท่าทีเกียจคร้าน ตรงข้ามกับดวงตาสีดำสนิทเปล่งประกายวาววามคู่นั้นที่จ้องมองเธอไม่ยอมคลาดเคลื่อนราวกับว่าเขากำลังรอคอยให้เธอตื่นอยู่ 

     ใบหน้าหล่อเหลาคมคายราวกับไม่ใช่มนุษย์เดินดินของเขาที่แม้เธอจะเห็นทุกวันก็ยังไม่คุ้นชินเสียที ...โดยเฉพาะเวลาที่ชายหนุ่มแย้มยิ้มทั้งปากทั้งตาแบบนี้
     
    "ตื่นแล้วหรือ นางมารน้อยจอมขี้เซา" 

    เขาถามเสียงอ่อนโยนพลางใช้มือข้างที่ว่างเกลี่ยเส้นผมของเธอออกให้อย่างเบามือ ทั้งยังปิดท้ายด้วยรอยยิ้มงดงามสว่างบาดตาอีก!
     นางร้ายสาวนั้นเจอกับภาพและเสียงชวนเลือดกำเดากระฉูดแบบนี้เข้าไปตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา ...แน่นอนว่าทั้งกายและใจต่างอ่อนระทวยแทบกลายเป็นน้ำ มั่นใจอย่างยิ่งว่าหากเธอกำลังยืนอยู่ต้องลงไปกองกับพื้นแน่!
  
    "ว่าอย่างไร นางมารน้อยของข้า" เขาก้มหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกทั้งสองแทบชนกัน 
ด้วยเห็นว่าเด็กสาวไม่ยอมตอบ
    แม้เขาจะถามซ้ำแล้วหากนางก็ยังเอาแต่จ้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ไป๋จิ้งเห็นดวงตากลมโตทั้งคู่ของเด็กสาวไม่ยอมกระพริบสักครั้งจึงหลุดหัวเราะออกมา

     ไยนางจึงน่าเอ็นดูนัก...  ชายหนุ่มที่ยังคงหัวเราะไม่หยุดพลางก้มลงจูบหน้าผากกลมเกลี้ยงของเด็กสาวด้วยความรักใคร่หนึ่งที ทำเอาชิงลี่ใจเต้นกระหน่ำ

    โอ๊ย วันนี้ท่านอ๋องแจกยิ้มไม่อั้น ยิ้มเรี่ยราด ยิ้มสิ้นเปลืองสุดๆ...

    ...แต่เธอโคตรชอบ!  
     
     ชิงลี่เห็นเขาหัวเราะก็หัวเราะออกมาด้วยราวกับเป็นโรคติดต่อ แม้จะไม่รู้ว่าเขาตลกอะไรก็ตาม เนื่องจากตอนนี้เธอมีความสุขมากๆ จนทุกเรื่องกลายเป็นเรื่องสนุกเรื่องดีไปเสียหมด 


     ไป๋จิ้งหรุบตาลงมองสตรีที่อยู่ในอ้อมแขนตนเองผู้นี้ สตรีที่เขารู้ดียิ่งกว่าผู้ใดว่านางแสนดีเพียงใด ความจริงใจของนางและสองมือน้อยคู่นี้เองที่ฉุดรั้งเขาขึ้นมาจากสถานที่อันแสนหนาวเหน็บและโดดเดี่ยว นางเป็นผู้ค้นหาเขาจนเจอและชี้ทางออกให้เขาอย่างที่ไม่มีใครสามารถทำได้
     สตรีผู้สดใสเปล่งประกายเปี่ยมไปด้วยความเฉลียวฉลาดกล้าหาญซึ่งมาพร้อมกับความงดงามเฉิดฉันดั่งดอกไม้ป่าล้ำค่าที่มีเพียงดอกเดียว ท่านอ๋องหนุ่มอดปลาบปลื้มภาคภูมิไม่ได้เมื่อดอกไม้ดอกนี้เป็นของเขา 

    ...เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว!
   

     "ลี่เอ๋อร์ของข้า" คำเรียกขานเพียงคำเดียวหากเมื่อมาพร้อมกับดวงตาสีดำลึกล้ำทั้งคู่ซึ่งอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกนับพันประการอันไม่สามารถบรรยายได้หมดของชายหนุ่มนั้น สำหรับเธอแล้วมันเป็นยิ่งกว่าคำบอกรักเสียอีก 
     ชิงลี่อดใจไม่ไหวยกตัวขึ้นไปจุมพิตริมฝีปากบางเฉียบของเขาหนึ่งครั้ง สัมผัสบางเบาหากบ่งบอกถึงความรู้สึกขอบคุณอันแสนวาบหวามหัวใจ 

      เธออยากขอบคุณที่เขามองและทนุถนอมเธอราวกับว่าเธอเป็นสิ่งของล้ำค่าที่สุดในโลก ขอบคุณที่เขารักเธออย่างอ่อนโยน...แล้วก็บ้าคลั่งในเวลาเดียวกัน ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเขากับเธอเข้ากันได้ดีมากแค่ไหน

     "ไป๋จิ้ง...ข้ารักท่าน" ชายหนุ่มจอมปากหนักตอบแทนคำสารภาพอย่างจริงใจของเธอด้วยจุมพิตแสนหวานล้ำ จนเธอทอดถอนหายใจด้วยความสุข  
     "จิ้งเอ๋อร์..."
     "หืมม์" 
     "...ข้าอยากกินท่านอีกแล้ว"
     "..."



      สองหนุ่มสาวใช้เวลาไปกับการอาบน้ำด้วยกันอีกพักใหญ่ทีเดียวจึงเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย... 

     ยามนี้แม้จะเป็นยามเย็นแล้วพวกเขาต่างแต่งกายด้วยเสื้อผ้างดงาม เครื่องประดับพร้อมเต็ม เนื่องจากท่านอ๋องได้ชักชวนเด็กสาวไปเยี่ยมชมงานเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่ของแคว้นเกาจิ้นซึ่งมีถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน โดยในจะจัดวันนี้เป็นวันสุดท้ายพอดี 
    เขาเห็นว่านางไม่ค่อยได้มีโอกาสออกไปเที่ยวเล่นนอกวังเสวี่ยอวิ๋น อีกทั้งเพิ่งผ่านพ้นเคราะห์ร้ายมาจึงอยากให้นางได้ออกไปดูสิ่งแปลกตาและสวยงามบ้าง

   "ข้างามพอหรือยัง"
    
    ชิงลี่ฉีกยิ้มกว้างถามหมุนตัวไปมาต่อหน้าชายหนุ่มจนกระโปรงสีม่วงอ่อนเหลือบทองพลิ้วไปตามการเคลื่อนไหว วันนี้เธอรู้สึกพิเศษกับชุดนี้มาก เป็นเพราะไป๋จิ้งเป็นคนเลือกและสวมให้เธอทีละชั้นเองกับมือเชียว! แม้แต่ปิ่นประดับเขาก็เป็นคนปักให้เธอด้วยตนเอง 
    รู้อยู่หรอกว่าตัวตนภายในของไป๋จิ้งไม่ได้เย็นชาเท่าภายนอกที่แสดงออกให้คนอื่นเห็น แต่เธอก็คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะอ่อนหวานได้ถึงขนาดนี้...

    
     ...รู้งี้จับกินตับเสียตั้งนานก็ดี!


     "เจ้างามมาก" ไป๋จิ้งเอ่ยชมด้วยแววตาชื่นชมอย่างแท้จริง ...แม้นางจะชอบสีแดงหากแต่เขาเห็นว่าสีม่วงเป็นสีที่เข้ากับนางมากที่สุด มันเป็นสีที่แฝงไปทั้งความสง่างามและความลึกลับเจ้าเสน่ห์ หากแต่บางทีก็ดูสดใสเปล่งประกายไปด้วยชีวิตชีวาเฉกเช่นสีม่วงอ่อนเหลือบทองบนตัวของนางยามนี้

      ชิงลี่อมยิ้มก่อนจะก้าวเข้าไปสอดมือเล็กทั้งคู่เข้าเกาะกุมมือใหญ่ ร่างหนึ่งสูงใหญ่หนึ่งเล็กบางแนบชิดกันจนเด็กสาวสามารถเงยหน้าเกยคางบนอกของเขาได้ นางร้ายสาวส่งยิ้มตาหยีให้พลางกระซิบบอกเสียงซุกซนว่า...

     "ท่านก็หล่อ หล่อมาก........" เสียงลากยาวราวกับไม่มีจุดจบของนางทำเอาเขาหลุดหัวเราะออกมา ก่อนจะอดไม่ไหวก้มลงจุมพิตริมฝีปากนางเบาๆ หนึ่งที 
     นางร้ายสาวสะดุ้งเล็กน้อย เนื่องจากยังไม่ค่อยชินกับกิริยาถึงเนื้อถึงตัวของท่านอ๋องผู้เคยหวงตัวประหนึ่งว่าร่างทำจากทองคำ แหม เดี๋ยวนี้เอะอะจูบ เอะอะจูบ 

     ...เดี๋ยวก็เปลี่ยนใจไม่ไปงานซะเลยนี่

   
     
     ตั้งแต่เดินออกจากเรือนนอนมาจนขึ้นรถม้าทั้งสองก็ไม่ได้ปล่อยมือที่ประสานแน่นออกจากกันแม้แต่น้อย พวกบ่าวไพร่ต่างลอบยิ้มแก้มแทบปริ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไม้ได้ต่อเป็นเรือเรียบร้อยแล้ว 

     เห็นทีจะเรือลำใหญ่เสียด้วย!

     บรรยากาศหม่นหมองของวังเสวี่ยอวิ๋นได้มลายหายไปตั้งแต่คืนที่พระชายารองหายเงียบเข้าไปในห้องอาบน้ำและทั้งคู่ชายหญิงก็มิได้ออกมาข้างนอกเป็นวันๆ กระมั่งข้าวปลายังไม่ยอมถามหา ยามนี้กล่าวได้ว่าบรรยากาศงานเฉลิมฉลองด้านนอกยังไม่ครึกครื้นเท่าภายในวังเสวี่ยอวิ๋นแห่งนี้เสียด้วยซ้ำไป!



     เมื่อทั้งหมดเดินทางมาถึงใจกลางเมืองซึ่งถูกตกแต่งด้วยโคมไฟหลากสีจนถนนสว่างตระการตา สองฝั่งข้างทางละลานตาไปด้วยร้านรวงซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นอาหารคาวหวาน ไป๋จิ้งและชิงลี่คล้ายกับคนที่มองไม่เห็นใครนอกจากกันและกันเท่านั้น ทั้งคู่เกาะกุมมือกันตลอด โดยที่หานตงและหานหนี่ว์คอยคุ้มกันอยู่ห่างๆ 

     ชิงลี่นึกถึงวันงานเทศกาลที่เธอมาเที่ยวกับเขาครั้งนั้น ...ไม่อยากเชื่อว่าในวันนี้เธอจะมีความสุขยิ่งกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า...นางร้ายสาวนึกถึงต้นเหตุของความสุขซึ่งอยู่ข้างกายก็แย้มยิ้มอ่อนหวานพลางกระชับมือเขาแน่นกว่าเดิม 

    ทั้งสองเดินลึกเข้าไปตามถนนซึ่งแต่ละจุดจะมีการละเล่นหรือเวทีสำหรับการแสดงหลากหลายประเภท ทั้งการต่อสู้พิศดาร ละครงิ้ว การเต้นรำของหญิงสาวหน้าตางดงามจากหอรื่นเริงต่างๆ 

     "จิ้งเอ๋อร์ ข้าอยากดูการต่อสู้ตรงโน้น" ชิงลี่ชี้ไปทางเวทีที่มีชายร่างยักษ์สองคนกำลังประลองกันด้วยอาวุธหน้าตาประหลาด ซึ่งอยู่คนละฝั่งกับเวทีที่มีสาวนุ่งน้อยห่มน้อยกำลังร่ายรำยั่วยวนอยู่อย่างสิ้นเชิง พลางนึกในใจว่า ไม่ได้หวงท่านอ๋องหรอก แค่อยากดูการต่อสู้เท่านั้นแหละ!
     "เอาสิ" เขาตามใจเด็กสาว ทว่าเมื่อมาถึงก็พบว่าพวกเขาอยู่ได้เพียงวงรอบนอก เนื่องจากมีการลงพนันขันต่อทำนายว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะ จึงทำให้มีชาวบ้านมารุมล้อมจำนวนมาก ชิงลี่ชะเง้อชะแง้คอยืดยาวด้วยความอยากเห็นคนต่อยตีกันในระยะใกล้ 
     กระนั้นด้วยความหงุดหงิดที่คนเยอะและไม่ได้อยากดูขนาดนั้นตั้งแต่แรกจึงล้มเลิกความตั้งใจในที่สุด

     "ช่างมันเถิด เราไปดูงิ้วกันดีกว่า" ไป๋จิ้งยิ้มรับบางๆ ทันที ด้วยใจจริงแล้วเขาไม่อยากให้นางอยู่บริเวณนี้ที่มีแต่ชายหนุ่มตั้งแต่เด็กยันแก่ชราเต็มไปหมด ยิ่งในวันนี้นางไม่ได้สวมหมากม่านคลุมปิดบังใบหน้างดงามอีกต่างหาก  ยังดีที่ทุกคนมัวแต่สนใจการประลองจนไม่มีใครสนใจใครทั้งสิ้น... มิเช่นนั้นล่ะก็...

     พลางท่านอ๋องหนุ่มคิดในใจว่า มิใช่ว่าเขาหวงนางจนเกินไป เพียงแค่เป็นห่วงก็เท่านั้น!

    

     ไป๋จิ้งกระชับไหล่เล็กบางจนชิงลี่เหลือบมองเป็นเชิงถามว่าเขาเป็นอะไรไป... หากยังไม่ทันได้คำตอบ จู่ๆ ท่านอ๋องก็รวบร่างเธอเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรุนแรงจนเธอร้องออกมาด้วยความเจ็บ หูได้ยินเสียงคล้ายวัตถุแหวกผ่านอากาศอย่างรวดเร็ว 
     นางร้ายสาวเงยหน้าขึ้นมองรอบๆ ที่พลันพลุกพล่านวุ่นวายขึ้นมาในเสี้ยวเวลาเมื่อมีคนตะโกนขึ้นมาว่า
    
    “มีมือสังหาร! มีมือสังหาร! หนีเร็ว!" 

     ชาวบ้านกลุ่มที่กำลังมุงดูคนต่อสู้กันพอได้ยินดังนั้นก็แตกฮือราวกับฝูงผึ้งถูกไม้แหย่รัง ทั้งชายทั้งหญิงไม่ว่าจะเด็กเล็กหรือแก่เฒ่าต่างก็วิ่งหนีเปะปะด้วยกลัวโดนลูกหลงจนต้องจบชีวิตโดยไม่รู้ตัว 

     "อยู่นิ่งๆ" ไป๋จิ้งบอกคนในอ้อมแขน น้ำเสียงอ่อนระโหยผิดปกติจนชิงลี่นึกเอะใจ เมื่อสำรวจทั่วร่างเขาก็พบบาดแผลเส้นเล็กบางแและมีเลือดซึมตรงฝ่ามือขวาของเขา แม้ปริมาณของเลือดจะไม่เยอะแต่มันกลับเป็นสีคล้ำออกน้ำตาลดำแลดูน่าหวาดหวั่น
    ระหว่างนั้นเองหานหนี่ว์และหานตงก็สามารถฝ่าเข้ามาถึงตัวชายหนุ่มได้ ผู้คุ้มกันสาวพิจารณาบาดแผลของท่านอ๋องเจ็ดทันที

    "ท่านอ๋องถูกพิษ ต้องรีบกลับวังโดยเร็ว" หานหนี่ว์เอ่ยขึ้น แม้นางจะยังไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นพิษชนิดใด หากแต่สีโลหิตคล้ำดำอย่างรวดเร็วและใบหน้าซีดขาวของชายหนุ่มก็พอจะบ่งบอกได้ว่าฤทธิ์ของมันค่อนข้างแรง

     ยาพิษ

     คำนี้ช่างฟังดูร้ายแรงสำหรับเธอเหลือเกินในโลกที่ไร้ซึ่งอุปกรณ์การแพทย์ทันสมัยนี้ นางร้ายสาวปากคอสั่นหากก็พยายามประคองสติเพื่อรีบพาคนรักกลับไปรักษาด่วนที่สุด 

    "ข้าไม่เป็นอันใดหรอก" ไป๋จิ้งเอ่ยปลอบเสียงแหบพร่าเมื่อเห็นสีหน้าและแววตาหวาดหวั่นของเด็กสาวในอ้อมแขน ชิงลี่สั่นศีรษะไล่น้ำตาที่เอ่อคลออยู่

    ตัวเองเป็นคนเจ็บแท้ๆ ยังจะมีหน้ามาปลอบเธออีก!

    ทั้งหมดเคลื่อนตัวไปด้านหน้าโดยทั้งหานหนี่ว์และหานตงกางแขนกั้นคุ้มกันเจ้านายทั้งสอง มิให้ผู้ใดวิ่งเข้ามาชนได้ ชิงลี่ซึ่งกายแนบชิดอยู่กับเขาสัมผัสได้ถึงเหงื่อของชายหนุ่มที่ชุ่มโชกก็ยิ่งหวั่นวิตกจนต้องเม้มปากแน่น
    “ทุกคน เร่งฝีเท้าหน่อยเถอะ” เธอบอกหานหนี่ว์และหานตงเสียงสั่นเครือ รู้สึกว่าท่านอ๋องใกล้จะเดินไม่ไหวแล้ว ผู้คุ้มกันทั้งสองพยักหน้ารับรู้

    หากยังไม่ทันที่ใครจะได้เร่งความเร็วขึ้น จู่ๆ ไป๋จิ้งก็โงนเงนก่อนจะล้มพับไปด้านหน้า ชิงลี่ที่แขนโอบเกี่ยวอยู่กับร่างเขาก็ถูกดึงไปด้วย ยังดีที่หานตงตาไวหันกลับมาช่วยรับร่างเอาไว้ได้

     "จิ้งเอ๋อร์/ท่านอ๋อง!!" 

     เธอตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นราวกับฝันไป ท่านอ๋องของเธอเก่งกาจและแข็งแกร่งยิ่งกว่าใคร ...แต่ตอนนี้เขากลับกำลังนอนหมดสติอยู่ในอ้อมแขนของเธอ ริมฝีปากเรียวที่เธอหลงรักนั้นเริ่มขึ้นสีคล้ำจางๆ 
    ชิงลี่ตื่นตระหนกจนมือเย็นเฉียบ เธอหันไปมองหานหนี่ว์คล้ายกับต้องการให้นางทำอะไรสักอย่าง เอายาสมุนไพรบรรเทาอาการอะไรก็ได้ออกมายัดใส่ปากเขา
    ทว่ากลับต้องตื่นตะลึงเมื่อจู่ๆ ผู้คุ้มกันสาวก็ล้มตึงไปด้านหลัง ก่อนจะนอนแน่นิ่งไม่ต่างจากไป๋จิ้ง

    "หนี่ว์เอ๋อร์!!" หานตงปราดเข้าไปดูน้องสาวด้วยความตื่นตระหนก เขาจับชีพจรของนางและพบว่ามันยังคงเต้นดีอยู่ กระนั้นไม่ว่าจะเย่าเรียกอย่างไรนางก็ไม่ลืมตา 

    ในขณะที่ทุกอย่างคล้ายจะวุ่นวายสับสนจนถึงขีดสุด จู่ๆ ก็มีชายผู้หนึ่งชนเข้าที่หลังเธอ ด้วยความที่เป็นห่วงท่านอ๋องชิงลี่จึงไม่ได้ใส่ใจแม้แต่จะหันไปมอง จนกระทั่งชายผู้นั้นกระซิบบอกประโยคหนึ่งกับเธอด้วยน้ำสียงแหบแห้งน่าขนลุก แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว ชิงลี่เบิกตากว้างหันไปมองหากทันเห็นเพียงชายผ้าสีเขียวเก่าคร่ำคร่าลับหายไปในฝูงชน

    นึกทวนคำพูดอันน่าหวาดหวั่นของชายปริศนาที่ทำให้ใจเธอเต้นถี่รัวอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง...





     "หากอยากช่วยชีวิตสามีเจ้า วันพรุ่งยามซวีจงมาที่แห่งนี้ ...จำไว้ว่าต้องมาเพียงผู้เดียวเท่านั้น”











-----------------------------------------------------------------------------


     จ๊ะเอ๋!...ห้องน้ำมหัศจรรย์~ 5555555555555 

     เรื่องอื่นมีผีผ้าห่ม แต่นังชิงขอเป็นผีสบู่ที่สิงอยู่ตามห้องน้ำของท่านอ๋องก็แล้วกันค่ะ 5555555555

     ปล. ฉาก nc ยากมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยค่ะ เขียนนานมากแต่ได้แค่นี้ /กรีดร้องก่อนปาดเหงื่อและน้ำตา ...ยอมใจและนับถือนักเขียนทุกท่านที่สามารถเขียนออกมาได้อย่างลื่นไหล ส่วนตัวไรท์คาดหวังให้ฉากนี้พิเศษ เป็นความทรงจำที่สละสลวยด้วยตัวอักษรที่ไม่จาบจ้วงหยาบคายทั้งสำหรับท่านอ๋องและชิงลี่แล้วก็สำหรับตัวไรท์เอง ...แต่พอจบบรรทัดสุดท้ายก็รู้ตัวเลยค่ะว่ายังทำได้ไม่ดี (คาดว่าถ้ากลับมารีไรท์หลังจากทิ้งช่วงไปซักพักน่าจะเกลาให้เรียบมนได้อีกค่ะ)


    ...ทั้งนี้ทั้งนั้นฉากนี้ก็คงจะไม่ได้ปรากฏในเว็ปเด็กดีหรือในหนังสือเล่มนะคะ( ขึ้นอยู่กับบก. ค่ะ แต่ไรท์คิดว่าน่าจะไม่ได้นะ 555555)
    ...อย่างไรก็ตามฉากนี้ก็จะอยู่ในห้องน้ำมหัศจรรย์ลับๆ แห่งนี้ ที่มีเพียงไรท์และรี้ดเดอร์หลายๆ ท่านที่ติดตามเข้ามาร่วมเป็นสักขีพยานว่า...


              .
              .
              .
              .
              .
              .
              .
              .



          ท่านอ๋องเจ็ดบ่อมีตับแล้วเด้อ~ 







9 ความคิดเห็น:

  1. 5555 ตามมาส่องเหตการ์ณต่อจากห้องน้ำ....

    ตอบลบ
  2. เป็นอาจารย์นางรึเปล่า คนที่สอนนางให้เป็นนักฆ่า

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เฮ่อ อาจจะเป็นอาจารย์นางก็ได้ กำลังไปได้สวยแท้ๆ มารก็มาขัดตลอดอะ

      ลบ
  3. ดีงามคะไรรรร อิอิๆ คราวนี้จะเกิดไรขึ้นอีกน่อออออออ ฮือๆ loveๆ อยู่ดีๆ ก็เกิดเรื่องอีกแล้วววววววววว

    ตอบลบ
  4. ไม้ได้กลายเป็นเรือแล้ว
    ไม่ใช่เรือพายธรรมดานะคะ
    เรือสำราญลำใหญ่เลยค่าาาาา
    ขอบคุณนะคะ

    ตอบลบ
  5. ใครกันที่มาทำร้ายท่านอ๋องงง ชิงลี่ไม่ยอมมม
    ปล.หวานได้แปปเดียวเอง ฮือออ

    ตอบลบ
  6. ตามมาส่อง ncอ อิจฉานางมารน้อยอิๆๆๆ

    ตอบลบ
  7. ท่านอ๋องบ่มีตับแล้ว

    ตอบลบ